
หนึ่งในอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับผู้เริ่มต้นฝึกสติ คือการเผชิญหน้ากับ "ความฟุ้งซ่าน" หลายคนล้มเลิกกลางคันพร้อมกับความคิดที่ว่า "เราคงไม่เหมาะกับการทำสมาธิ" หรือ "เราเป็นคนคิดมากเกินไป" วันนี้ผมอยากจะบอกข่าวดีกับคุณว่า ความฟุ้งซ่านไม่ใช่ศัตรูของการฝึกสติ แต่เป็นส่วนหนึ่งของการฝึก และการเรียนรู้ที่จะรับมือกับมันอย่างถูกวิธี คือหัวใจสำคัญที่จะทำให้คุณก้าวหน้าในการปฏิบัติ
บทความนี้จะเจาะลึกถึงธรรมชาติของความฟุ้งซ่านและมอบเครื่องมือที่เป็นรูปธรรมให้คุณเปลี่ยน "ลิงในหัว" ที่กระโดดไปมา ให้กลายเป็นเพื่อนร่วมเดินทางบนเส้นทางแห่งความสงบ
ก่อนอื่นเราต้องปรับความเข้าใจกันใหม่ จิตใจของเราก็เหมือนกับหัวใจที่มีหน้าที่เต้น หรือปอดที่มีหน้าที่หายใจ หน้าที่หลักของจิตใจคือการ "คิด" มันผลิตความคิดออกมาตลอดเวลา ทั้งเรื่องในอดีต อนาคต เรื่องไร้สาระ เรื่องสร้างสรรค์ ปะปนกันไป ดังนั้น การคาดหวังว่าพอนั่งหลับตาปุ๊บแล้วความคิดจะหยุดลงทันที ก็เหมือนกับการคาดหวังให้หัวใจหยุดเต้น ซึ่งเป็นไปไม่ได้และมีแต่จะสร้างความหงุดหงิดใจ
เป้าหมายของการฝึกสติจึงไม่ใช่การ "หยุดคิด" แต่คือการเปลี่ยนความสัมพันธ์ที่เรามีต่อความคิด จากเดิมที่ถูกความคิดลากไปมา ให้กลายเป็นการ "รู้ทัน" ความคิด
เมื่อคุณกำลังจดจ่ออยู่กับลมหายใจ แล้วจู่ๆ ความคิดเรื่อง "เย็นนี้จะกินอะไรดี" ก็ผุดขึ้นมา แทนที่จะหงุดหงิดหรือพยายามกดความคิดนั้นไว้ ให้ลองใช้เทคนิคนี้ครับ
ทุกครั้งที่คุณทำกระบวนการ "รู้ทัน-ติดป้าย-ปล่อย-กลับมา" ได้สำเร็จ นั่นคือคุณได้ฝึกกล้ามเนื้อสติให้แข็งแรงขึ้นอีกครั้ง ความฟุ้งซ่านจึงไม่ได้มาเพื่อขัดขวาง แต่มาเพื่อเป็น "อุปกรณ์ฝึกซ้อม" ชั้นดีให้กับเรา

สำหรับวันที่จิตใจวุ่นวายเป็นพิเศษ การดูลมหายใจเฉยๆ อาจจะยากเกินไป ลองใช้เทคนิคเหล่านี้ช่วยครับ
จำไว้เสมอว่า ความคิดฟุ้งซ่านเปรียบเสมือนก้อนเมฆที่ลอยผ่านท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ ตัวตนที่แท้จริงของคุณคือท้องฟ้าที่กว้างใหญ่และสงบนิ่งนั้น ไม่ใช่ก้อนเมฆที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป การฝึกสติคือการเรียนรู้ที่จะพักพิงอยู่ในความสงบของท้องฟ้า แทนที่จะวิ่งไล่ตามก้อนเมฆทุกลูกนั่นเอง